รองโฆษกรัฐบาลแก้ข่าว “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ยังไม่พ้นเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ชี้คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ไม่กระทบการบริหารประเทศ “บิ๊กตู่” ขอบคุณทุกกำลังใจ มุ่งมั่นทำหน้าที่รัฐมนตรีกลาโหมต่อไป ตอกกลับ “ชลน่าน” หยุดปั่นนายกตู่ลาออก สะท้อนไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม ย้อนนายกเถื่อนอยู่ดูไบ
วันที่ 25 สิงหาคม 2565 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของนายกรัฐมนตรีและมีมติเสียงข้างมากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 65 จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยนั้น ต้องชี้แจงทำความเข้าใจว่าผลของคำสั่งไม่ได้ทำให้สถานะตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ที่มาตามมาตรา 158 รัฐธรรมนูญ 2560 ถูกยกเลิกไป พล.อ.ประยุทธ์ยังคงมีตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่เพียงพักการทำงานการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราวจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย และเพื่อความต่อเนื่องในการบริหารราชการแผ่นดินจึงมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาปฏิบัติหน้าที่รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี ดังนั้นคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไม่มีผลกระทบใด ๆ การบริหารประเทศ การปฏิบัติงานของข้าราชการ หรือการดำเนินนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลสามารถดำเนินต่อเนื่องไปตามปกติ
“นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมายังท่าน และจะทำหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ต้องรับผิดชอบปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ท่านพร้อมทำหน้าที่เพื่อประชาชน เพื่อประเทศไทยในทุก ๆ วัน” น.ส.ทิพานัน กล่าว
น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า ในส่วนระยะเวลาพิจารณาและมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นอาจจะไม่ต้องใช้ระยะเวลานานเพราะหากศาลเห็นว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายหรือมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ ศาลอาจประชุมปรึกษาเพื่อพิจารณาและวินิจฉัยโดยไม่ทำการไต่สวนตามมาตรา 58 พรป. ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 ได้ ซึ่งเมื่อศาลส่งสำเนาคำร้องไปให้ พล.อ.ประยุทธ์แล้ว พล.อ.ประยุทธ์มีเวลายื่นคำชี้แจงภายใน 15 วันนับแต่วันได้รับสำเนาคำร้องตามมาตรา 54
“ดังนั้นในระหว่างนี้จึงขอให้ทุกฝ่ายเคารพในผลการพิจารณาของศาล และหลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ของศาล เพื่อให้ประชาชนอยู่ร่วมกันในสังคมและช่วยให้ประเทศชาติสงบสุข ขอให้เชื่อมั่นในกฎหมายและหลักนิติธรรมของบ้านเมืองเช่นเดียวกันกับที่ พล.อ.ประยุทธ์เคารพกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด”
“สำหรับกรณีการเคลื่อนไหวของฝ่ายค้านที่ไม่เหมาะสมที่น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยออกมาเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกโดยไม่ต้องรอฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญนั้น เป็นข้อเรียกร้องที่ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมอย่างแท้จริง สิ่งที่น.พ.ชลน่าน ควรทำคือเรียกร้องให้ อดีตนายกฯ เช่น นายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับมายอมรับกระบวนยุติธรรมไม่หนีคดีทุจริตต่าง ๆ เป็นตัวอย่างที่ดีของผู้นำแบบพล.อ.ประยุทธ์ ที่ยอมรับในกระบวนศาล จึงอยากให้ น.พ.ชลน่าน ทำความเข้าใจเสียใหม่ว่า นายกเถื่อนนั้นหนีไปอยู่ดูไบ ส่วนนายกฯ ไทยยอมรับกระบวนการศาล คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” น.ส.ทิพานัน กล่าว
เอาแล้ว! เรียกสอบจริยธรรม สว. ปมข่าวเมียน้อยสิบตำรวจโทหญิงทำร้ายทหารหญิงรับใช้
จากกรณีข่าว สิบตำรวจโทหญิงทำร้ายทหารรับใช้ พร้อมมีกระแสว่าเป็นภรรยาสมาชิกวุฒิสภา (สว.) คนหนึ่งจนนำไปสู่การตั้งคำถามว่า สว.คนนั้นคือใคร และเรียกร้องให้มีการเรียกสอบจริยธรรม
ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวจากทาง กลุ่มงานสื่อมวลชน สํานักประชาสัมพันธ์ รายงานว่า ประธานวุฒิสภามอบคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภาสอบข้อเท็จจริงกรณีมีการกล่าวหาว่า สมาชิกวุฒิสภา กระทําการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม
ตามที่สื่อมวลชนได้นําเสนอข่าวเหตุการณ์ สิบตํารวจโทหญิงกรศศิร์ บัวแย้ม บังคับใช้แรงงานและทําร้ายร่างกายอดีตทหารหญิงยศสิบตรี โดยได้มีการนําเสนอข่าวอย่างต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2565 นายวัชระ เพชรทอง ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อประธานวุฒิสภา เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีสมาชิก วุฒิสภามีส่วนรู้เห็น หรือสนับสนุน สิบตํารวจโทหญิงที่กล่าวอ้างว่าเป็นภรรยาน้อยกระทําทารุณทหารหญิงหรือไม่ มีการใช้อํานาจหน้าที่ของสมาชิกวุฒิสภาฝากภรรยาน้อยเป็นข้าราชการตํารวจจริงหรือไม่ ฝากบุคคล เข้ารับราชการทหารจริงหรือไม่ และอื่น ๆ นั้น
ในวันเดียวกันนั้น (22 สิงหาคม 2565) ประธานวุฒิสภาได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา พิจารณาสอบสวนข้อเท็จจริงทุกประเด็นดังกล่าวข้างต้นให้เป็นไปตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรม สมาชิกวุฒิสภาและกรรมาธิการ พ.ศ. 2563
ทั้งนี้ หากผลการพิจารณาของคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา เป็นประการใด จะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป